ผ้าไหมย้อมมะเกลือภูมิปัญญาท้องถิ่น
อดีตที่ผ่านมา จังหวัดศรีสะเกษ มีชุมชนหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เผ่าแต่ละเผ่าจะทอผ้าใช้เอง โดยมีชื่อเรียกต่างกันไป และลายผ้าที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีฐานะดีในสมัยก่อน ที่นิยมใช้กัน คือผ้าลายลูกแก้ว ในชนเผ่าเขมรเรียกผ้าลายนี้ว่า ผ้าเก็บ โดยเรียกลักษณะการเก็บลายดอก ในเผ่าสวยเรียกว่าผ้าเหยียบ โดยเรียกขั้นตอนการย้อมสีกับลูกมะเกลือ ซึ่งเหยียบผสมโคลน ส่วนชนเผ่าลาว เรียกว่า ผ้าลายดอกแก้ว หรือผ้าลายลูกแก้ว เรียกตามลักษณะ ซึ่งเป็นดอกสี่เหลี่ยมจัตุรัส เล็กๆ เรียงกันไป มีจุดดอกตรงกลางสี่เหลี่ยม สมัยก่อนมีการย้อมสีด้วยลูกมะเกลือ เพื่อกันความร้อนและสีดำเป็นสีที่ไม่สกปรกง่ายเหมือนสีขาว ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นหลากหลายสีตามความนิยมของแต่ละคนที่ชอบไม่เหมือนกัน และต่อมาสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ได้กำหนดลายผ้าดังกล่าว เป็นลายผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ ให้ชื่อว่า ผ้าเก็บหรือผ้าเหยียบ เฉพาะในอำเภอปรางค์กู่ นิยมทอด้วยผ้าไหม หรือทอด้วยไหม เป็นสีสวยเงางามมาก เป็นที่นิยมของคนทั่วไป
แนวคิดการทอผ้า ได้จากไหมเปลือกนอกที่มีขนาดเส้นใหญ่หยาบ เมื่อทอผ้าจะผ้าเนื้อหนา หยาบ เหมาะสำหรับตัดเป็นเสื้อใส่ทำงานที่ต้องทำอย่างสมบุกสมบันใส่ทำนา ทำไร่ ทอ 4 ตะกอ ยกดอกเป็นลายลูกแก้ว ผู้ทอต้องเป็นคนที่มีความชำนาญทอผ้าเก่ง มีความละเอียดลออและความปราณีตชาวบ้านนิยมใส่ผ้าลายลูกแก้วในการทำงานมักนิยมย้อมผ้าด้วยผลมะเกลือจะทำให้ได้เสื้อที่มีความหนา น้ำหนักเพิ่มเสื้อย้อมมะเกลือมีคุณสมบัติซักแล้วไม่ต้องรีดสวมใส่ได้เลย ปี พ.ศ. 2545 สภาวัฒธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ประกาศให้ผ้าลายลูกแก้วสีเหลืองดอกลำดวนเป็นผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ
“มะเกลือ” วัตถุดิบในการย้อมผ้าจากธรรมชาติกันก่อน มะเกลือเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ พบขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ซึ่งผลของมะเกลือนั้นมีสรรพคุณเป็นทั้งยาขับพยาธิที่คนไทยรู้จักและใช้กันมานาน และผลมะเกลือนั้น ก็คือวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ในการย้อมผ้าให้เป็นสีดำนั้นเอง
ผลมะเกลือให้สีดำจากน้ำยางเมือสัมผัสกับอากาศและแดด
มักจะนำมะเกลือมาตำใน “ครกกระเดื่อง” หรือ ”ครกไม้ขุด” ตามวิธีชาวบ้าน โดยจะตำให้ละเอียดพอประมาณและนำไปผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 10 ครกต่อน้ำ 1กะละมัง แล้วก็จะนำผ้าที่ต้องการย้อมสีมาย้อม ในขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะน้ำย้อมจากมะเกลือเป็นพิษต่อประสาทตา
และสีที่ได้จากน้ำย้อมยังติดง่ายและติดทนนานอีกด้วย จึงต้องใส่ถุงมือและเสื้อผ้าที่สามารถเลอะเทอะได้ การย้อมผ้าด้วยมะเกลือนั้นไม่ยากแต่ต้องใช้เวลานาน เพราะสีผ้าจะไม่ติดในครั้งเดียว หากย้อมเสร็จหนึ่งครั้งก็ต้องนำไปผึ่งแดดและนำมาย้อมใหม่ ย้อมน้ำแรกๆ มีสีเหลือง แต่เมื่อตากให้แห้งจะมีสีเขียว และจะต้องทำวิธีนี้วนไปวนมาซ้ำๆ กัน 5-6 ครั้ง ก็จะได้สีดำสนิทตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าสีติดกับเนื้อผ้าดีแล้วผ้าก็จะไม่ตกสี และหากเป็นผ้าแพรแล้วก็จะดำมันสวยงามไม่ต้องพึ่งสารเคมี
และสีที่ได้จากน้ำย้อมยังติดง่ายและติดทนนานอีกด้วย จึงต้องใส่ถุงมือและเสื้อผ้าที่สามารถเลอะเทอะได้ การย้อมผ้าด้วยมะเกลือนั้นไม่ยากแต่ต้องใช้เวลานาน เพราะสีผ้าจะไม่ติดในครั้งเดียว หากย้อมเสร็จหนึ่งครั้งก็ต้องนำไปผึ่งแดดและนำมาย้อมใหม่ ย้อมน้ำแรกๆ มีสีเหลือง แต่เมื่อตากให้แห้งจะมีสีเขียว และจะต้องทำวิธีนี้วนไปวนมาซ้ำๆ กัน 5-6 ครั้ง ก็จะได้สีดำสนิทตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าสีติดกับเนื้อผ้าดีแล้วผ้าก็จะไม่ตกสี และหากเป็นผ้าแพรแล้วก็จะดำมันสวยงามไม่ต้องพึ่งสารเคมี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น